ไปปีนังมาจ้าา
ประเทศเพื่อบ้านที่ใกล้ไทยมากๆ แต่เราก็แทบไม่ได้คิดว่าจะแวะไปเลย ญาติๆและป๊าเราเคยไปมาแล้ว
ไปครั้งนี้ไปงานแต่งงานของเพื่อนชาวมาเลย์ที่รู้จักกันตอนไป JAL 2006 โดยที่เจ้าบ่าวเป็น Jal 2005 โลกช่างกลมอะไรอย่างนี้!!!
โดยได้รับการดูแลอย่างดีจาก Goh อันนี้เป็นคนมาเลย์เชื้อสายจีน ต้องอธิบายเพราะว่าปีนังเนี่ย คนส่วนใหญ่จะเป็นคนจีน แล้วก็มาเลยเชีย จะมีคนที่เป็นแขกแบบอินเดียน้อยกว่า (ต้องแยกนะ แขกมาเลย์จะเป็นมุสลิมหน้าตาเหมือนๆคนใต้บ้านเรา แต่แขกอินเดียจะดำๆเป็นฮินดู)….และด้วยเหตุที่ประเทศมาเลย์เซียเป็นประเทศมุสลิม..ก็จะไม่มีหมูขายในแมกโดนัลค่ะ!!
เพื่อนเชื้อสายจีนเลยบอกเราว่าเวลามาหาดใหญ่(เค้าจะมากันบ่อยเพราะใกล้ปีนังมากๆ) ก็จะต้องแวะกินแม็ค “เบอร์เกอร์หมูซามุไร”ซึ่งคนไทยควรภูมิใจ เพราะเบอร์เกอร์หมูซามุไรนี่นอกจากหาทานในปีนังไม่ได้แล้ว ยังไม่มีขายในญี่ปุ่นด้วย5555 (Thailand only)
นอกจากไม่มีหมูขายในแม้ก ถ้าท่านไปเทสโก้(หรือบ้านเราเรียกว่าโลตัส) จะเห็นห้องแยกไปมีประตูกระจกแน่นหนา สำหรับขายผลิตภัณฑ์จากหมู เรียกว่าหากินยากสุดๆแม้ว่าคนจีนจะเยอะแค่ไหนก็ตาม
สนามบินปีนัง ขนาดประมาณสนามบินขอนแก่น ซึ่งอาคารอะไรอย่างนี้ก็โอเคนะ…แต่ห้องน้ำ เอิ่ม ไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ เข้าใจว่าไม่มีที่ฉีดตูด(ขออภัยในความหยาบคายนึกคำอื่นไม่ออกว่ะ) แต่มีสายยางธรรมดา เฮ้ย แล้วจะคอนโทรลเส้นทางกันยังไงวะ
แล้วก็การต่อแถวเข้าห้องน้ำแม้ว่าจะจัดแถวกันแบบห้องน้ำพารากอน(คือมีจุดยืนรอ) แต่จะมีอาม่าชาวจีนแซงท่านเข้าส้วมเสมอ ผ่านครั้งที่หนึ่งไป ฐิตยาเลยไม่ยอมให้ม่าที่ไหนได้แซงหนูอีก ยืนรอเอาหน้าห้องน้ำ แล้วแต่ดวง(นึกออกป่ะ คือต่อแถวตามใครมาก่อนมาหลังไม่ได้เราต้องไปยืนที่ประตูเลย)
อาคารบ้านเรือนสถาปัตยกรรม อืมม ส่วนใหญ่จะคล้ายๆแถวภูเก็ตคือเป็นอาคารสไตล์โคโลเนี่ยล…มีสีสันสดใส พาสเทล ไม่รู้ทำไม ขนาดวัดจีนซึ่งปกติต้องสีฉูดฉาดก็ยังไม่แรงเท่าไหร่ ออกสีอ่อนๆมาก ใครชอบถ่ายรูปกับผนังสีหวานๆ ปีนังคือสวรรค์เลยค่ะ
พวกอาคารพานิชย์ จะคล้ายๆแถวเยาวราชแต่ที่แปลกคือหน้าร้านจะเป็นทางเดิน ซึ่งมีส่วนระเบียงชั้นสองยื่นออกมากันฝน และที่ดินในส่วนทางเดินหน้าบ้านนี้จะเป็นของสาธารณะ ใครจะเดินผ่านก็ได้ เจ้าของจะมาวางตู้น้ำแข็งกั้น ตีฝาผนังไรงี้ไม่ได้นะคะ เพื่อให้คนเดินชอปปิ้งสะดวกผ่านตลอดแม้จะเป็นวันฝนตก
มีวัดแบบจีน วัดแขก วัดมุสลิมประปราย มีวัดสไตล์ไทยๆด้วย คนปีนังที่นับถือพุทธจะตักบาตรทำบุญเหมือนของไทย แตกต่างนิดๆตรงเทียนจะเป็นขวดเทียนรูปสัปประรด เพราะว่ามีความหมายเป็นมงคล มีขนาดใหญ่เล็กตามกำลังเงิน เขียนชื่อใส่บนขวดได้ด้วย
เพื่อนๆพาเที่ยวเป็นอย่างดี มีรถไปไหนมาไหน โรงแรมที่พักก็โอเคเลยไม่แพงมาก คนมาเลย์ส่วนใหญ่ก็พูดอังกฤษได้ และมักจะพูดจีนและมาเลย์ได้ด้วย
ปีนังเนี่ยจะแบ่งเป้นส่วนของเกาะปีนัง และอีส่วนของปีนังจะเป็นส่วนนึงของแผ่นดินใหญ่ มีสะพานเชื่อมกัน ประมาณ 5 กิโลเมตรมั้ง ไม่งั้นก็ขึ้นเรือข้ามฟากเอาก็ได้
คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ก็อยู่คอนโดกัน..เพราะที่ดินราคาแพง…เมืองจะแบบว่ามีภูเขาอยู่ตรงกลางเกาะ ถนนหนทางถือว่าดีกว่าบ้านเรานะ แต่ส่วนที่เป็นแบบดูชนบทๆก็ยังมี ที่จอดรถหายากทีเดียว รถส่วนใหญ่จะผลิตในมาเลย์ เพราะเค้าจะคิดภาษีนำเข้ารถแพง เพื่อให้คนหันมาใช้รถมาเลย์แทน ก็มีรถเล็กๆน่ารักเหมือนของญี่ปุ่นเต็มบ้านเต็มเมือง ส่วนใหญ่คนจีนเยอะก็เลยจะเชื่อเรื่องฮวงจุ้ย เรื่องตัวเลข เลขมงคลคือ 8 ไกด็บอกว่าถ้าเห็นรถแพงๆ เดาได้เลยว่าเลขทะเบียนต้องมีเลขพวก 8 88 28 แน่ๆ
อาหารปีนังจะเป้นพวกแกงๆ มีผงกะหรี่ผสม เยอะมากๆ ไม่ค่อยเผ็ดเท่าไหร่ เราว่าอร่อยเลยแหละ(ท้องเสียด้วย สงสัยกินเยอะไป)…แล้วก็มีบะหมี่ เส้นหมี่ขาว เส้นเล็ก กับน้ำซุปที่ออกมันๆนิดๆโรยหอมเจียวๆ มีหลายหลายชื่อ แต่สั่งมาแล้วหน้าตาเหมือนกัน -_- อันนี้คล้ายๆอาหารไทย…กินได้ๆ ที่แปลกคือปกติเราอยู่เมืองไทย จะสั่งแบบหมี่แห้ง หมี่น้ำ เส้นอะไรก็ว่าไปถูกป่ะ
ที่นี่ไม่เป็นแบบนั้น ท่านสั่ง “prawn soup noodle” ท่านไม่ต้องเลือก จะมีสามเส้น คือเส้นหมี่ เส้นเล็ก บะหมี่เหลือง ผสมมาเลย -_- ไม่ต้องตัดสินใจให้ยุ่งยาก…หอยทอดก็มีเยอะ และน้ำแข็งใสเรียกว่า”กาชัง” เหมือนบ้านเราเด้ะๆ แตกต่างที่ถั่วแดงใหญ่กว่าแค่นั้นมั้ง
มีเมนูนึงคล้ายๆยำผลไม้ใส่น้ำปลาหวาน แต่สีดำปึ้ด…อร่อยดีเหมือนกัน เพื่อนออสเตรเลียบอกว่าไม่ชอบ เหมือนกินสารเคมีเข้าไป5555 น้ำผลไม้เช่นมะม่วง เป็นมะม่วงสดนะแต่ไม่มีปั่น พี่เค้าจะแยกกากมาเลย มองไกลๆนึกว่าน้ำส้มคั้น
นอกจากนี้ของแปลกที่ได้ลองคือวุ้นดำ =__= ตอนแรกเพื่อนฮ่องกงกินก่อน(เค้าอ่านภาษาจีนได้ไง) เป็นวุ้นดำ ฐิตยามั่นใจว่ามันคือเฉาก้วยเลยกินเข้าไป มันขมๆ ก็ยังคิดว่าอ๋อสงสัยใส่ยาจีน…เปล่าค่ะ!!!มันคือวุ้นต้มจากกระดองเต่า โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
T__Tเป็นอีกตัวนึงที่ตามปลาวาฬไปติดๆ ไม่ได้อยากจะกินก็กินเข้าไปแล้ว
เรื่องอาหารมีข้อแตกต่างมากมาย…คนเกาหลีเคยกินหมามาแล้ว(เจอสีหน้าช้อคกุโมโตะของเราเข้าไปเธอเลยอธิบายว่า หมาในเกาหลีเรามีหมาสัตว์เลี้ยงกับหมากินนะ มันไม่เหมือนกัน..T[ ]T)…คนมาเลย์ชอบกินกวาง…เพื่อนออสเตรเลียชอบกินจิ้งโจ้…แต่ทุกคนลงความเห็นว่าเมืองไทยของเอ็งก็ใช่ย่อย แดกแมลงสาปได้ด้วย (เอิ่ม แมงดากับแมงสาบไม่เหมือนกันนะยะ…เอ้ะ ชั้นแก้ตัวเหมือนเกาหลีที่กินหมาเลยนี่หว่า!!)
งานแต่งงานเป็นพิธีเล็กๆแต่น่ารัก เจ้าบ่าวเจ้าสาวมีมุมถ่ายรูปในบ้าน ใครมาถึงงานก็ไปถ่ายรูปๆ แล้วก็ออกมานั่งกินข้าว ที่มาเลย์จะให้กินไปเรื่อยๆ ใครมาตอนไหนก็กินตอนนั้น งานแต่งงานแบ่งเป็นพิธีศาสนาวันนึง กับเลี้ยงแขกวันนึง ไม่มีการให้เงินต้องให้ของขวัญเท่านั้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะเตรียมของไว้ให้แขกเป็นของชำร่วย(งานนี้เป้นพัดไม้จันทร์)+ขนมหวาน+ผลไม้ +ไข่ต้ม! ค่ะ ไข่ต้ม…เพราะในสมัยก่อนเนี่ยคนไม่ค่อยมีตังค์มาก…จะให้แต่ไข่ต้ม เดี๋ยวนี้พอรวยก็ยังรักษาธรรมเนียมไว้ ไข่ต้มเลยถูกผูกผ้าซะหรูหรา
ถ่ายรูปกันเยอะแยะมากมาย แล้วก็ไปเที่ยวมาหลายที่….สนุกมากๆ
ถ้าถามเราตอนแรกก็ไม่คิดว่าปีนังจะน่าสนุกอะไรมาก เคยได้ยินแต่ในนิยายสมัยวนิดาไรเงี้ย….นางเอกไปเรียนจบปีนังมา(อ่อ โรงเรียนส่วนใหญ่แยกชายหญิงตอนมัธยมค่ะ)…ก็คิดว่าคงเป็นเมืองทั่วๆไปเหมือนภาคใต้บ้านเรา แต่พอไปมาก็คิดว่าเมืองเค้าน่ารักดีนะ…ผสมหลายเชื้อชาติ ศาสนาแล้วก็อยู่ด้วยกันได้จริงๆ คนปีนังก็ชอบมาเมืองไทยมาก อาหารไทยนี่ฮอตสุดๆ เค้ารู้เรื่องราวของบ้านเราดีทีเดียว…เลยแอบละอายนิดๆที่เราอยู่ใกล้ๆเค้าเรารู้เรื่องเพื่อนบ้านน้อยมากๆ สนใจแต่ประเทศอื่นไกลๆ….เลยคิดว่าต้องกลับมาทวนความรู้เรื่องประเทศใกล้บ้านเราซะหน่อยแล้ว
ปีนังสนุกค่ะ และคนปีนังใจดีเฟรนด์ลี่เลยทีเดียว….แถมภาษาอังกฤษก็ใช้ได้ด้วย…เป็นอีกที่ที่น่าสนใจนะ
p.s 1 ควรนำยาธาตุน้ำขาวตรากระต่ายบินไปด้วยเวลาเดินทางไปทุกประเทศ เพราะได้ผลดีมากๆเมื่อท้องเสีย…แทบกราบกระต่ายบินขวดเล็กเพราะช่วยชีวิตเราไว้
p.s 2 สนามบินปีนังไม่ค่อยมีที่นั่งรอ
p.s 3 มีที่นั่งว่าง เราไปนั่งข้างป้าคนนึง ก็นั่งเงียบๆไปรอเครื่องบินขากลับ…อีลุงเดินมา บ่นว่า “อะไรเนี่ย ทำไมไม่จองที่ไว้(ภาษาไทย)”…อีป้าทำหน้าเฉยๆ แต่พูดว่า “อะไรของมันก็ไม่รุ ก็อยู่ๆเค้าก็มานั่ง(หมายถึงดิฉันเอง)”….ดิฉันเลยหันไปทางอีป้าบอกเป็นภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำว่า “ก็ถ้าไม่บอกไม่จองไว้ ใครจะรู้ค่ะ ที่นั่งสาธารณะ” ป้าโดนน้ำเสียงเหวี่ยงแบบเบาๆ 2 ริกเตอร์ไปบ้านเลยหน้าเจื่อนรีบบอกว่า “นั่งได้ค่ะ”…ฐิตยาเลยบอกว่า “นั่งไปเถอะค่ะ ตามสบาย” พร้อมสะบัดตูดหนี แต่ไม่ได้โกรธไรมาก…เพราะคิดว่าการลุกใครคนชรานั่งเป็นหน้าที่ของพลเมืองไทยที่ดีอยู่แล้ว…เตือนอย่างนึงเพราะเราก้เข้าใจธรรมชาติว่าคนไทยชอบนินทา เป็นภาษาเรากันเอง แต่ประเทศเพื่อนบ้านเราเนี่ย มีหลายคนมากที่รุ้ภาษาไทย แม้หน้าจะไม่ให้เลย จะพูดอะไรควรระวังกันบ้าง…เพราะมไ่ได้เสียที่ตัวเองคนเดียวแต่เสียไม่ถึงบ้านถึงเมืองนะฮ๊าฟฟฟฟฟฟ เช่นเพื่อนมาเลย์เราจะรู้ภาษาไทยง่ายๆ กับคำด่าเว้ยเค้าเล่าว่ามาซื้อของที่หาดใหญ่แล้วถามราคา ต่อราคา พ่อค้าพูดว่า “ไปตายไป” =___= แล้วคือเค้ารู้อ่ะ ว่ามันแปลว่าอะไร…ฉะนั้นระวังกันหน่อยนะคะหนู