Being lecturer

Now it’s already 1 year ,since I start this job.

Started with fear and unpleasantness of my surrounding but it get better by time.

I feel more comfortable to give advice and sometime control my students.

My lecturer are also develop, Experience give a lot of confidents, I guess.

Now I do need to process more for Assistant professor Position, it’s not a choice by forced by university rule. Me, no feel against this but it’s still light plan for me.

I do need to write paper for international publication…with quite impact journal.

Anyway, I hope to complete it by end of this year. I hope to make it as a 30 years old gift.

fortuneteller said it might be a hard year for me this year.

wait and see

Massaman curry

watch arashi variety showing Thai-curry,Firstly kind of happy that Thai-food now world-wild popular…but disappointed in the way they cook,In VTR was totally wrong It’s will make wrong color, wrong texture and I quite sure not the real. Massaman curry taste(T_T) Where do that Shibuya restaurant’s chef learn to cook this menu, I wonder?…I mean process and timing also impotent in cooking Thai-food as same as in Japanese food or western style food….well,If you like it there,I just wish you be able to taste the real one in Thailand.:P

ปีนังโดยสังเขป

ไปปีนังมาจ้าา
ประเทศเพื่อบ้านที่ใกล้ไทยมากๆ แต่เราก็แทบไม่ได้คิดว่าจะแวะไปเลย ญาติๆและป๊าเราเคยไปมาแล้ว
ไปครั้งนี้ไปงานแต่งงานของเพื่อนชาวมาเลย์ที่รู้จักกันตอนไป JAL 2006 โดยที่เจ้าบ่าวเป็น Jal 2005 โลกช่างกลมอะไรอย่างนี้!!!
โดยได้รับการดูแลอย่างดีจาก Goh อันนี้เป็นคนมาเลย์เชื้อสายจีน ต้องอธิบายเพราะว่าปีนังเนี่ย คนส่วนใหญ่จะเป็นคนจีน แล้วก็มาเลยเชีย จะมีคนที่เป็นแขกแบบอินเดียน้อยกว่า (ต้องแยกนะ แขกมาเลย์จะเป็นมุสลิมหน้าตาเหมือนๆคนใต้บ้านเรา แต่แขกอินเดียจะดำๆเป็นฮินดู)….และด้วยเหตุที่ประเทศมาเลย์เซียเป็นประเทศมุสลิม..ก็จะไม่มีหมูขายในแมกโดนัลค่ะ!!

เพื่อนเชื้อสายจีนเลยบอกเราว่าเวลามาหาดใหญ่(เค้าจะมากันบ่อยเพราะใกล้ปีนังมากๆ) ก็จะต้องแวะกินแม็ค “เบอร์เกอร์หมูซามุไร”ซึ่งคนไทยควรภูมิใจ เพราะเบอร์เกอร์หมูซามุไรนี่นอกจากหาทานในปีนังไม่ได้แล้ว ยังไม่มีขายในญี่ปุ่นด้วย5555 (Thailand only)

นอกจากไม่มีหมูขายในแม้ก ถ้าท่านไปเทสโก้(หรือบ้านเราเรียกว่าโลตัส) จะเห็นห้องแยกไปมีประตูกระจกแน่นหนา สำหรับขายผลิตภัณฑ์จากหมู เรียกว่าหากินยากสุดๆแม้ว่าคนจีนจะเยอะแค่ไหนก็ตาม

สนามบินปีนัง ขนาดประมาณสนามบินขอนแก่น ซึ่งอาคารอะไรอย่างนี้ก็โอเคนะ…แต่ห้องน้ำ เอิ่ม ไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ เข้าใจว่าไม่มีที่ฉีดตูด(ขออภัยในความหยาบคายนึกคำอื่นไม่ออกว่ะ) แต่มีสายยางธรรมดา O_o เฮ้ย แล้วจะคอนโทรลเส้นทางกันยังไงวะ
แล้วก็การต่อแถวเข้าห้องน้ำแม้ว่าจะจัดแถวกันแบบห้องน้ำพารากอน(คือมีจุดยืนรอ) แต่จะมีอาม่าชาวจีนแซงท่านเข้าส้วมเสมอ ผ่านครั้งที่หนึ่งไป ฐิตยาเลยไม่ยอมให้ม่าที่ไหนได้แซงหนูอีก ยืนรอเอาหน้าห้องน้ำ แล้วแต่ดวง(นึกออกป่ะ คือต่อแถวตามใครมาก่อนมาหลังไม่ได้เราต้องไปยืนที่ประตูเลย)

อาคารบ้านเรือนสถาปัตยกรรม อืมม ส่วนใหญ่จะคล้ายๆแถวภูเก็ตคือเป็นอาคารสไตล์โคโลเนี่ยล…มีสีสันสดใส พาสเทล ไม่รู้ทำไม ขนาดวัดจีนซึ่งปกติต้องสีฉูดฉาดก็ยังไม่แรงเท่าไหร่ ออกสีอ่อนๆมาก ใครชอบถ่ายรูปกับผนังสีหวานๆ ปีนังคือสวรรค์เลยค่ะ
พวกอาคารพานิชย์ จะคล้ายๆแถวเยาวราชแต่ที่แปลกคือหน้าร้านจะเป็นทางเดิน ซึ่งมีส่วนระเบียงชั้นสองยื่นออกมากันฝน และที่ดินในส่วนทางเดินหน้าบ้านนี้จะเป็นของสาธารณะ ใครจะเดินผ่านก็ได้ เจ้าของจะมาวางตู้น้ำแข็งกั้น ตีฝาผนังไรงี้ไม่ได้นะคะ เพื่อให้คนเดินชอปปิ้งสะดวกผ่านตลอดแม้จะเป็นวันฝนตก

มีวัดแบบจีน วัดแขก วัดมุสลิมประปราย มีวัดสไตล์ไทยๆด้วย คนปีนังที่นับถือพุทธจะตักบาตรทำบุญเหมือนของไทย แตกต่างนิดๆตรงเทียนจะเป็นขวดเทียนรูปสัปประรด เพราะว่ามีความหมายเป็นมงคล มีขนาดใหญ่เล็กตามกำลังเงิน เขียนชื่อใส่บนขวดได้ด้วย

เพื่อนๆพาเที่ยวเป็นอย่างดี มีรถไปไหนมาไหน โรงแรมที่พักก็โอเคเลยไม่แพงมาก คนมาเลย์ส่วนใหญ่ก็พูดอังกฤษได้ และมักจะพูดจีนและมาเลย์ได้ด้วย
ปีนังเนี่ยจะแบ่งเป้นส่วนของเกาะปีนัง และอีส่วนของปีนังจะเป็นส่วนนึงของแผ่นดินใหญ่ มีสะพานเชื่อมกัน ประมาณ 5 กิโลเมตรมั้ง ไม่งั้นก็ขึ้นเรือข้ามฟากเอาก็ได้

คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ก็อยู่คอนโดกัน..เพราะที่ดินราคาแพง…เมืองจะแบบว่ามีภูเขาอยู่ตรงกลางเกาะ ถนนหนทางถือว่าดีกว่าบ้านเรานะ แต่ส่วนที่เป็นแบบดูชนบทๆก็ยังมี ที่จอดรถหายากทีเดียว รถส่วนใหญ่จะผลิตในมาเลย์ เพราะเค้าจะคิดภาษีนำเข้ารถแพง เพื่อให้คนหันมาใช้รถมาเลย์แทน ก็มีรถเล็กๆน่ารักเหมือนของญี่ปุ่นเต็มบ้านเต็มเมือง ส่วนใหญ่คนจีนเยอะก็เลยจะเชื่อเรื่องฮวงจุ้ย เรื่องตัวเลข เลขมงคลคือ 8 ไกด็บอกว่าถ้าเห็นรถแพงๆ เดาได้เลยว่าเลขทะเบียนต้องมีเลขพวก 8 88 28 แน่ๆ

อาหารปีนังจะเป้นพวกแกงๆ มีผงกะหรี่ผสม เยอะมากๆ ไม่ค่อยเผ็ดเท่าไหร่ เราว่าอร่อยเลยแหละ(ท้องเสียด้วย สงสัยกินเยอะไป)…แล้วก็มีบะหมี่ เส้นหมี่ขาว เส้นเล็ก กับน้ำซุปที่ออกมันๆนิดๆโรยหอมเจียวๆ มีหลายหลายชื่อ แต่สั่งมาแล้วหน้าตาเหมือนกัน -_- อันนี้คล้ายๆอาหารไทย…กินได้ๆ ที่แปลกคือปกติเราอยู่เมืองไทย จะสั่งแบบหมี่แห้ง หมี่น้ำ เส้นอะไรก็ว่าไปถูกป่ะ

ที่นี่ไม่เป็นแบบนั้น ท่านสั่ง “prawn soup noodle” ท่านไม่ต้องเลือก จะมีสามเส้น คือเส้นหมี่ เส้นเล็ก บะหมี่เหลือง ผสมมาเลย -_- ไม่ต้องตัดสินใจให้ยุ่งยาก…หอยทอดก็มีเยอะ และน้ำแข็งใสเรียกว่า”กาชัง” เหมือนบ้านเราเด้ะๆ แตกต่างที่ถั่วแดงใหญ่กว่าแค่นั้นมั้ง
มีเมนูนึงคล้ายๆยำผลไม้ใส่น้ำปลาหวาน แต่สีดำปึ้ด…อร่อยดีเหมือนกัน เพื่อนออสเตรเลียบอกว่าไม่ชอบ เหมือนกินสารเคมีเข้าไป5555 น้ำผลไม้เช่นมะม่วง เป็นมะม่วงสดนะแต่ไม่มีปั่น พี่เค้าจะแยกกากมาเลย มองไกลๆนึกว่าน้ำส้มคั้น

นอกจากนี้ของแปลกที่ได้ลองคือวุ้นดำ =__= ตอนแรกเพื่อนฮ่องกงกินก่อน(เค้าอ่านภาษาจีนได้ไง) เป็นวุ้นดำ ฐิตยามั่นใจว่ามันคือเฉาก้วยเลยกินเข้าไป มันขมๆ ก็ยังคิดว่าอ๋อสงสัยใส่ยาจีน…เปล่าค่ะ!!!มันคือวุ้นต้มจากกระดองเต่า โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
T__Tเป็นอีกตัวนึงที่ตามปลาวาฬไปติดๆ ไม่ได้อยากจะกินก็กินเข้าไปแล้ว

เรื่องอาหารมีข้อแตกต่างมากมาย…คนเกาหลีเคยกินหมามาแล้ว(เจอสีหน้าช้อคกุโมโตะของเราเข้าไปเธอเลยอธิบายว่า หมาในเกาหลีเรามีหมาสัตว์เลี้ยงกับหมากินนะ มันไม่เหมือนกัน..T[ ]T)…คนมาเลย์ชอบกินกวาง…เพื่อนออสเตรเลียชอบกินจิ้งโจ้…แต่ทุกคนลงความเห็นว่าเมืองไทยของเอ็งก็ใช่ย่อย แดกแมลงสาปได้ด้วย (เอิ่ม แมงดากับแมงสาบไม่เหมือนกันนะยะ…เอ้ะ ชั้นแก้ตัวเหมือนเกาหลีที่กินหมาเลยนี่หว่า!!)

งานแต่งงานเป็นพิธีเล็กๆแต่น่ารัก เจ้าบ่าวเจ้าสาวมีมุมถ่ายรูปในบ้าน ใครมาถึงงานก็ไปถ่ายรูปๆ แล้วก็ออกมานั่งกินข้าว ที่มาเลย์จะให้กินไปเรื่อยๆ ใครมาตอนไหนก็กินตอนนั้น งานแต่งงานแบ่งเป็นพิธีศาสนาวันนึง กับเลี้ยงแขกวันนึง ไม่มีการให้เงินต้องให้ของขวัญเท่านั้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะเตรียมของไว้ให้แขกเป็นของชำร่วย(งานนี้เป้นพัดไม้จันทร์)+ขนมหวาน+ผลไม้ +ไข่ต้ม! ค่ะ ไข่ต้ม…เพราะในสมัยก่อนเนี่ยคนไม่ค่อยมีตังค์มาก…จะให้แต่ไข่ต้ม เดี๋ยวนี้พอรวยก็ยังรักษาธรรมเนียมไว้ ไข่ต้มเลยถูกผูกผ้าซะหรูหรา

ถ่ายรูปกันเยอะแยะมากมาย แล้วก็ไปเที่ยวมาหลายที่….สนุกมากๆ

ถ้าถามเราตอนแรกก็ไม่คิดว่าปีนังจะน่าสนุกอะไรมาก เคยได้ยินแต่ในนิยายสมัยวนิดาไรเงี้ย….นางเอกไปเรียนจบปีนังมา(อ่อ โรงเรียนส่วนใหญ่แยกชายหญิงตอนมัธยมค่ะ)…ก็คิดว่าคงเป็นเมืองทั่วๆไปเหมือนภาคใต้บ้านเรา แต่พอไปมาก็คิดว่าเมืองเค้าน่ารักดีนะ…ผสมหลายเชื้อชาติ ศาสนาแล้วก็อยู่ด้วยกันได้จริงๆ คนปีนังก็ชอบมาเมืองไทยมาก อาหารไทยนี่ฮอตสุดๆ เค้ารู้เรื่องราวของบ้านเราดีทีเดียว…เลยแอบละอายนิดๆที่เราอยู่ใกล้ๆเค้าเรารู้เรื่องเพื่อนบ้านน้อยมากๆ สนใจแต่ประเทศอื่นไกลๆ….เลยคิดว่าต้องกลับมาทวนความรู้เรื่องประเทศใกล้บ้านเราซะหน่อยแล้ว

ปีนังสนุกค่ะ และคนปีนังใจดีเฟรนด์ลี่เลยทีเดียว….แถมภาษาอังกฤษก็ใช้ได้ด้วย…เป็นอีกที่ที่น่าสนใจนะ

p.s 1 ควรนำยาธาตุน้ำขาวตรากระต่ายบินไปด้วยเวลาเดินทางไปทุกประเทศ เพราะได้ผลดีมากๆเมื่อท้องเสีย…แทบกราบกระต่ายบินขวดเล็กเพราะช่วยชีวิตเราไว้
p.s 2 สนามบินปีนังไม่ค่อยมีที่นั่งรอ
p.s 3 มีที่นั่งว่าง เราไปนั่งข้างป้าคนนึง ก็นั่งเงียบๆไปรอเครื่องบินขากลับ…อีลุงเดินมา บ่นว่า “อะไรเนี่ย ทำไมไม่จองที่ไว้(ภาษาไทย)”…อีป้าทำหน้าเฉยๆ แต่พูดว่า “อะไรของมันก็ไม่รุ ก็อยู่ๆเค้าก็มานั่ง(หมายถึงดิฉันเอง)”….ดิฉันเลยหันไปทางอีป้าบอกเป็นภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำว่า “ก็ถ้าไม่บอกไม่จองไว้ ใครจะรู้ค่ะ ที่นั่งสาธารณะ” ป้าโดนน้ำเสียงเหวี่ยงแบบเบาๆ 2 ริกเตอร์ไปบ้านเลยหน้าเจื่อนรีบบอกว่า “นั่งได้ค่ะ”…ฐิตยาเลยบอกว่า “นั่งไปเถอะค่ะ ตามสบาย” พร้อมสะบัดตูดหนี แต่ไม่ได้โกรธไรมาก…เพราะคิดว่าการลุกใครคนชรานั่งเป็นหน้าที่ของพลเมืองไทยที่ดีอยู่แล้ว…เตือนอย่างนึงเพราะเราก้เข้าใจธรรมชาติว่าคนไทยชอบนินทา เป็นภาษาเรากันเอง แต่ประเทศเพื่อนบ้านเราเนี่ย มีหลายคนมากที่รุ้ภาษาไทย แม้หน้าจะไม่ให้เลย จะพูดอะไรควรระวังกันบ้าง…เพราะมไ่ได้เสียที่ตัวเองคนเดียวแต่เสียไม่ถึงบ้านถึงเมืองนะฮ๊าฟฟฟฟฟฟ เช่นเพื่อนมาเลย์เราจะรู้ภาษาไทยง่ายๆ กับคำด่าเว้ยเค้าเล่าว่ามาซื้อของที่หาดใหญ่แล้วถามราคา ต่อราคา พ่อค้าพูดว่า “ไปตายไป” =___= แล้วคือเค้ารู้อ่ะ ว่ามันแปลว่าอะไร…ฉะนั้นระวังกันหน่อยนะคะหนู

ที่ของเธอในหัวใจของฉัน

There You’ll Be

When I think back on these times
And the dreams we left behind
I’ll be glad ’cause I was blessed to get
To have you in my life
When I look back on these days
I’ll look and see your face
You were right there for me

ในยามที่ฉันนึกถึงช่วงเวลาเหล่านี้

กับความฝันทั้งหลายที่เราทิ้งไว้ข้างหลัง

ฉันก็จะดีใจเพราะว่าฉันเคยได้พรอันยิ่งใหญ่

ที่ได้มีเธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตฉัน

เมื่อฉันมองย้อนกลับไป…

ฉันจะมองเห็นใบหน้าของเธอ

เธอเคยอยู่ ณ ตรงนั้นเพื่อฉัน


เอามาจากเวป herebe.exteen.com
ที่จริงมันอยู่ในหนังรักเรื่อง Pearl harbor
น่าจะร้องให้กับคนรักของนางเอก คนที่จากไป
แต่เราว่าอีกแง่มุมนึง….เพราะพระเอก 1 และ พระเอก 2 เป็นเพื่อนกัน…อาจจะเป็นเพลงที่เอาไว้ระลึกถึงเพื่อนคนสำคัญก็ได้

การที่มองย้อนกลับไป…แล้วรู้สึกว่าขอบใจใครสักคน….เป็นความรุ้สึกที่ดีมากๆอ่ะ

มีการ์ตูนของ Ai Yazaya ที่นางเอกอยากเป็นดีไซเนอร์
แม่ของนางเอกบอกว่า "ขอบคุณทุกๆคนที่มิวาโกะ(นางเอก)ได้เจอ"

จริงๆถ้าเรามองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกขอบคุณทุกคนที่เราเคยพบเจอ ไม่ว่าดีหรือร้าย…แสดงว่าเราเองกำลังเป็นคนที่มีความสุขในชีวิตนะ

เพลงนี้มิวสิกมันเศร้า แต่มองอีกอย่างก็คือเพราะ คนคนนึงเติบโต…มาด้วยความรักของคนหลายๆคน ครอบครัว เพื่อน คนรู้จัก ถ้าเมื่อไหร่ที่มองย้อนกลับไป…ก็จะเห็นแต่วันเวลาที่ความรักพวกนั้น ประกอบมาเป็นชิ้น เป็นอัน เป็นตัวเราในทุกวันนี้

ป้ากับยายเคยเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆ ที่เราไปอยู่บ้านยายที่ร้อยเอ็ด(มามี้เรียนโทที่ม.เกษตร ป๊าไปทำงานมาเลย์)แบบว่าเพิ่งไม่กี่ขวบยังไม่เข้าโรงเรียน
ก็จะไปวัดกับยายทุกๆวัน

แล้วตอนเช้าๆ….จะมีคนบ้าอ่ะ ..เป็นขอทานสติไม่สมประกอบ มาคอยที่วัด เอาลูกโป่งมาให้ทุกเช้า
ให้เฉยๆเลย ป้าบอกว่าตอนแรกยายก็กลัว...แต่เห็นว่าเค้าตั้งใจดีอยากให้..รู้สึกว่าจะไปหามาจากตลาดได้ไงไม่รู้..ยายก็เลยให้รับของเค้ามา…เค้าก็หามาให้ตลอดทุกครั้งที่ไปวัด

เค้าอาจจะเคยมีลูกตัวเท่านี้…หรือถูกชะตาเด็กอ้วนนี่..อย่างไรก็ไม่ทราบ

แต่เราเองก็เป็นคนที่ชอบลูกโป่งสุดๆ ไม่รุ็ว่าเพราะแบบนี้รึเปล่

แต่นั่นก็เป็นกรณีนึงที่แสดงให้เห็นว่า ขนาดเราเด็กจนจำไม่ได้…และคนให้ก็เป็นบ้า

แต่มันก็ประกอบมาเป็นเรา…คือเป็นเด็กที่ชอบลูกโป่งอ่

เรามีนิสัยเหมือนเพื่อนเรา เราชอบบางอย่างเหมือนแม่เรา 

นั่นเป็นการเติบโตแบบนึง

อย่างตอนนี้ยายเราไม่อยู่แล้ว….แต่บางส่วนของยายก็ยังอยู่กับเรา

อาจจะพูดประโยคเดียวกัน…หัวเราะเหมือนกัน

(เราเคยพูดอะไรสักอย่าง…แล้วญาติก็ทักว่า ยายเราก็ชอบพูดแบบนี้)

กับเพื่อนๆตอนนี้ก็เหมือนกัน….ต่อไปอาจจะไม่เจอกันบ่อยๆ แต่มุกบางมุก

ความทรงจำบางอย่าง….เมื่อได้ประกอบมาเป็นส่วนนึงของกันแล้ว…ก็จะเป็นแบบนั้นตลอดไป

เราว่านั่นเป็นระบบอันเยี่ยมยอดของสิ่งที่เรียกว่า ความสัมพันธ์ อ่ะ

อาจจะไม่เห็นผลเหมือน ยีนส์…พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ยังไม่ได้

แต่มีอยู่จริงๆ

เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะอยู่ไกลๆ หรืออยู่คนเดียว หรืออยู่ในสภาพย่ำแย่….ถ้าจำได้ว่าถูกประกอบมาด้วยความรักของใครบ้าง

อย่างน้อยก็ช่วยให้อุ่นขึ้นได้นะจ้ะ >_O
"I’ll keep a part
Of you with me
And everywhere I am
There you’ll be"

ทำงานไหม หรือเรียนต่อดี

คิดเรื่องพวกนี้อย่างจริงจัง

ตอนแรกตั้งใจว่าจะตรงแหน่วไปเรียนต่อ
ใช้เวลาช่วงหลังจากธีสิสเสร็จ(ซึ่งจนบัดนี้ก็ยังไม่เสร็จ)
เตรียมตัวไปเรียนอย่างเดียว
แต่ก็นะ….ถ้าเคยผ่านงานมาบ้าง น่าจะช่วยให้มีมุมมองกว้างขึ้น 
หรืออาจจะรู้ว่า ที่จริงแล้วต้องการทำอะไรกันแน่
แต่การไปเรียนเลยตอนกำลังมีไฟก็ดีเหมือนกัน
as life took me ….^__^

ท่ามกลางมรสุม

แม้ว่าช่วงนี้ ยังต้องส่งงาน ตรวจงาน แก้งานสำหรับวิทยานิพนธ์

แต่ว่าท่ามกลางความวุ่นวาย
การได้กลับบ้านก็ช่วยได้มาก
แม่เตรียมผลไม้ที่ชอบไว้เพียบ
ตื่นมา….มีคนชวนทานข้าวเช้า
ออกไปทานก๋วยเตี๋ยวกันแม่ลูก(น้องชายนอนตอนเช้า ตื่นตอนเย็นๆ)
ขอไปไหว้พระ
แม่ชินแล้วกับการที่ฐิตยา ต้องไปไหว้พระเป็นระยะๆ
ได้ไหว้พระแล้วสบายใจ วันนี้ที่อยุธยาคนเยอะมาจนรถติด
ก็นึกขึ้นได้ว่าวันแรงงาน แถมวันจันทร์ก็หยุดหลายที่….คนคงมาเที่ยวกันเยอะ
แล้วตอนนี้คนคงต้องการที่พึ่งทางใจกันหมด…หลวงพ่อโต
ท่านจะมีคำอธิษฐานเยอะไหมนะ….แต่ก็ไหว้ท่านไปแล้ว
สัญญาว่าถ้าทุกอย่างเป็นจริง จะเลิกกินเนื้อ 1 เดือน และถือศีล 5 เอาดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้
ขอให้ท่านเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
เสี่ยงเซียมซี…..แล้วสบายใจได้เบอร์ 19 เลขมงคลของเรา ^___^
ในยุคที่เราเดินทางเร็วกว่าเสียงได้
แต่ก็ยังยังหัวใจอ่อนแอกันทุกคน….ฉะนั้นการมีที่พึ่งทางใจ…..เราว่าไม่ใช่เรื่องของความงมงาย
แต่เป็นเรื่องที่ทำให้ใจสงบ
แต่ละคนมีวิธีจัดการกับความสับสนในใจไม่เหมือนกัน…..^^ ดีที่วิธีของเราไม่เปลือง ไม่เหนื่อย และไม่ลำบากอะไรใคร
สบายใจดี ^___^

ใจมันแกร่งจนพร้อมจะรับคราวนี้ ชั้นคงไม่ตายยยย

พอตัดใจได้….ว่าอะไรควรให้ความสำคัญ

ก็ไม่ค่อยคิดมากแล้ว
อ.ที่ปรึกษาพยายามยัดข้อหาว่า มึงทำงานนอกใช่ไหมถึงได้ไม่มีเวลาทำธีสิส……เปล่าค่ะไม่ได้ทำ
งั้นคุณเอาเวลาไปทำอะไร ผมไม่เชื่อ…งานมันถึงได้ช้าแบบนี้…งั้นมันต้องมีปัญหาที่สมองคุณแล้ว 
หนูไม่ได้ทำงานนอกจริงๆค่ะ…แค่ขี้เกียด =_=
งั้นคุณจะบอกว่าเป็นปัญหาที่สมองคุณเหรอ?
…………เอิ่ม…………
มันไม่ได้มีปัญหาที่สมองหรอก
มันเป็นปัญหาที่หัวใจ…….หมดใจอ่ะ ต่อให้มีเวลาแค่ไหนก็ไม่มีใจจะทำ
ด่าไปเถอะค่ะ…..หนูไม่ได้โกรธหรือเคืองอะไร……..เพียงแต่มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
โอเคมันอาจจะช่วยให้อาจารย์สบายใจขึ้นที่ได้ด่า
ถ้าอย่างงั้นหนูจะถือว่าเพื่อความสุขของท่าน….ด่าเลยค่ะ เอาแรงๆ ไม่ต้องให้เกีรยติใดๆทั้งสิ้น
ถ้าคิดว่าสนุก ทำไปเร้ยยยยย…….ตูไม่สะทกสะท้านใดๆ555
วันนี้ไปฟิวเจอร์กับเกดมา
เป็นกิจวัตรที่เกดจะไปหาหมอสิว
ส่วนฐิตยาไปหาซื้อการ์ตูน
วันนี้กินโอโตยะ กัน อร่อยดี….มีคนไม่ชอบร้านนี้ แต่เราว่ารสชาติมันเหมือนที่ญี่ปุ่นแท้ๆดีออก
ใกล้วันสอบแล้ว
ได้ชื่อคนนอกที่จะมาสอบแล้ว
และใกล้วันสอบ IELTSแล้ว
น้องชายสอบพร้อมกัน…..ลอกมันจะได้ไหมนะ ฮุๆ